Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Template

Powered by Blogger


โรงเรียนเมืองพลับพลาพิทยาคม ยินดีต้อนรับทุกท่าน

ระหว่างปรับปรุง

ประชาสัมพันธ์

ระหว่างปรับปรุง

Monday, August 16, 2010

ออกเยี่ยมบ้านนักเรียน

            ผอ.เกชา  เหมือนวาจา  นำคณะครูโรงเรียนบ้านไทรออ ออกเยี่ยมบ้านนักเรียนหลักจากเลิกเรียนแล้วพวกเราได้ออกเยี่ยมบ้านนักเรียนตอนเย็นก่อนกลับบ้าน ได้พบปะพูดคุยกับผู้ปกครองนักเรียน และความเป็นอยู่ของนักเรียนของเรา เพื่อนำเอาข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงและส่งเสริมการเรียนการสอนให้นักเรียนอย่างถูกทาง









Read More......

Thursday, August 12, 2010

กิจกรรมวันแม่โรงเรียนบ้านไทรออ

            ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน ร่วมกันจัดกิจกรรมวันแม่แห่งชาติขึ้น ณ อาคารปีบทอง โรงเรียนบ้านไทรออ












Read More......

Sunday, August 08, 2010

คำขวัญวันแม่แห่งชาติ 2553

           
"แผ่นดินนี้ แม่ของลูก ใช้ปลูกข้าว กี่แสนก้าว ที่เดินซ้ำ ย่ำหว่านไถ
บำรุงดิน จนอุดม สมดังใจ หวังนาไทย เป็นของไทย ไปนิรันดร์"


ขอบคุณครูบ้านนอกดอดคอม

Read More......

Thursday, August 05, 2010

กลอนวันแม่

สตรีใด……ไหนเล่า……เท่าเธอนี้

เป็นผู้ที่……ลูกทุกคน……บ่นรู้จัก

เป็นผู้ที่……มีพระคุณ……การุณนัก

เป็นผู้ที่……สร้างความรัก...สอนความดี

เป็นผู้ที่……คอยสั่งสอน……เอาใจใส่

คอยห่วงใย……เราทุกคน……จนวันนี้

เปรียบแสงทอง……สว่างล้ำ……นำชีวี

เธอคนนี้……คือ ” แม่ ”……ของเราเอง


...วันเกิดเราเป็นดั่งวันสิ้นลมแม่

เจ็บปวดแท้ดั่งน้ำตาพาจะไหล

สองมือออบโอบอุ้มแกว่งเปล

น้ำนมเลี้ยงอุ้มชูให้เติบใหญ่มา

แม่เปรียบดั่งยารักษายามป่วยไข้

แม่เปรียบดั่งต้นไม้ใหญ่ร่มใบหนา

แม่เปรียบดั่งดวงตะวันส่องแสงมา

แม่เปรียบดั่งผ้าห่มหนาอบอุ่นกาย

เปรียบดั่งพระในบ้านชี้แนะลูก

สถิตถูกอยู่กลางใจไม่ไปไหน

กตัญญูตอนนี้ยังไม่สายไป

ก่อนแม่ไซร้หลับตาไปไม่ลืมเอย


มือน้อยน้อยแม่คอยอุ้มชู...แม่เฝ้ามองดูไม่ห่างไปไหน

แม่เฝ้าปลอบขวัญยามลูกหลับใหล...ไม่ยอมห่างไกลไปจากสายตา

มือน้อยน้อยของแม่ล้ำค่า...อุ้มชูลูกมาจากเล็กเด็กแดง

ยามลูกเติบใหญ่ด้วยน้ำพักน้ำแรง...ด้วยใจที่แกร่งของแม่ถักทอ


...หากกล่าวถึง คำนี้ คำว่าแม่

บังเกิดแก่ สายตาชน คนทั้งผอง

ก็นิ่งคิด นิ่งเงียบ นิ่งยืนมอง

ไม่มีสอง นึกถึงคุณ พระคุณมารดา

...กลั่นเม็ดเลือดเม็ดน้อยนับร้อยหยด

จนปรากฏเป็นหยดนมรสกลมกล่อม

เพื่อหล่อเลี้ยงทารกน้อยค่อยอดออม

เฝ้าถนอมฟูมฟักรักเมตตา

วันเปลี่ยนวันเดือนเปลี่ยนเดือนหมุนเคลื่อนคล้อย

จากเด็กน้อยเริ่มมีแรงเริ่มแข็งกล้า

ค่อยสอนเดินสอนทำสอนคำจาสอนปัญญาสอนวิชาสารพัน

...ทารกน้อยวันนี้เห็นเป็นผู้ใหญ่

แม่ภูมิใจในผลงานการสร้างสรรค์

ความเหน็ดเหนื่อยกายใจหายไปพลัน

เมื่อถึงวันลูกได้รับปริญญา

...วันนี้ลูกของแม่สุขถ้วนทั่ว

มีครอบครัวอยู่เย็นเป็นฝั่งฝา

แม่คนนี้ย่างเข้าสู่วัยชรารอเวลาสู่กองฟอนตอนสิ้นใจ

...วันเอยวันแม่สองตาแลหม่นหมองอยากร้องไห้

บ้านแม่อยู่วันนี้ไม่มีใครมีแต่ไก่กับหมาที่สีมอซอ

อยากฝากดาวถามฟ้าหาลูกรักใครรู้จักบอกให้ได้ไหมหนอ

แม่ชราผู้อยู่หลังยังเฝ้ารอบอกอยากขอเห็นหน้าอีกคราเอย


ที่มา http://www.zabzaa.com/event/12aug.htm

Read More......

วันแม่แห่งชาติ

ประวัติความเป็นมา


               ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้ว ให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
                สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2486 ณ.สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไปโดยปริยาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายามรื้อฟื้นให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม และเป็นที่รับรองของรัฐบาล คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 กำหนดงานวันแม่ในวันนี้ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปี ก็ต้องมาหยุดชะงักลงอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าสภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ซึ่งก็คือกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกยุบไปนั่นเอง ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย เห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดให้จัดงานวันแม่ คือวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งในปี พ.ศ.2519 คณะกรรมการอำนวยการ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่า ควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม ่ โดยให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา เหตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรัก อันบริสุทธิ์ของแม่ ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย...

             นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ (Bilabial) ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรก ที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น

            ภาษาไทย แม่

            ภาษาจีน ม๊ะ หรือ ม่า

            ภาษาฝรั่งเศส la mere (ลา แมร์)

            ภาษาอังกฤษ mom , mam

            ภาษาโซ่ ม๋เปะ

            ภาษามุสลิม มะ

            ภาษาไทใต้คง เม

            เป็นต้น

ที่มา http://www.zabzaa.com/event/12aug.htm

Read More......