Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Skin Design:
Free Blogger Template

Powered by Blogger


โรงเรียนเมืองพลับพลาพิทยาคม ยินดีต้อนรับทุกท่าน

ระหว่างปรับปรุง

ประชาสัมพันธ์

ระหว่างปรับปรุง

Sunday, December 24, 2006

นักเรียนทุกคนควรอ่าน

ลูกหญิง ลูกชาย นักเรียน ลองอ่านดูธรรมสภา.(2549) กรุงเทพฯ

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“ความซื่อสัตย์สุจริต”
เป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง
เด็กจึงต้องฝึกฝนอบรม..ให้เกิดขึ้นในตนเอง
เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดี..มีประโยชน์
และมีชีวิตที่สะอาด..ที่เจริญมั่นคง
เด็กๆ..นอกจากตองเรียนความรู้แล้ว
ยังต้องหัดทำการงานและทำความดีด้วย
เพราะการทำงานจะช่วยให้มีความสามารถ
มีความขยัน..อดทน..พึ่งตนเองได้
และการทำดีนั้นจะช่วยให้มีความสุขความเจริญ
ทั้งป้องกันตนไว้ไม่ให้ตกต่ำ

โอวาทของหลวงพ่อพุทธทาสบิดามารดาเป็นพรหมของบุตร
การทำให้บิดามารดาน้ำตาตกเป็นบาป
การเชื่อฟังบิดามารดาไม่มีทางเสียหาย
ไม่ดื้ออย่างเดียวดีหมดทุกอย่าง
จงตอบแทนพระคุณท่านตั้งแต่เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่

คำสอนจาก ธรรมสภา

ลูกจงพยายามเตือนตนเองอยู่เสมอว่า
เวลานี้..เป็นเวลาอะไร
เวลากิน..ลูกควรจะกิน
เวลานอน..ลูกควรจะนอน
เวลาเล่น..ลูกควรเล่น
เวลาเรียน..ลูกควรจะเรียน...เพราะเป็นหน้าที่
เมื่อทำหน้าที่ดีแล้ว..
ผลก็จักออกมาดี..ตามหน้าที่ของมันเอง
ลูกดูแลตัวเองได้เมื่อใด..พ่อแม่ก็สบายใจเมื่อนั้น

เวลาแต่ละวัน..อย่าให้ผ่านไปเปล่า
อย่างน้อยต้องให้ได้อะไรบ้าง
บัณฑิตทุกคนชอบศึกษาและหาความรู้จากธรรมชาติ
ตั้งแต่เวลา..5..นาฬิกา..เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสม
เป็นเวลาที่เราจักได้ยินเสียงธรรมชาติพูด

โบราณกล่าวไว้..”ผิดเป็นครู”..เมื่อลูกทำสิ่งใดผิดพลาด
จงสำนึกว่า..เป็นโอกาสของการเรียนรู้
ลูกต้องเร่งหาสาเหตุแห่งความผิดพลาดนั้น
แล้วปรับปรุงแก้ไขเหตุผิดพลาดนั้นให้ถูกต้องและดีขึ้น..โดยเร็ว

ลูกควรนึกอยู่เสมอว่า ความรวย..ความจน
ไม่ใช่เครื่องวัดความดีของคน
คนรวยดี...ก็มีมาก
คนรวยเลว...ก็มีมาก
คนจนดี...ก็มีมาก
คนจนเลว...ก็มีมาก
เครื่องวัดความดีของคน
อยู่ที่การกระทำทางกาย วาจา ใจ

ลูกอย่าคบคน..ที่ความร่ำรวยของเขา
จงคบคน..ที่ความเป็นคนดีของเขา
คนดี..คือคนที่มีความซื่อสัตย์และกตัญญู
ต่อบิดามารดา..และผู้มีพระคุณ
คนเช่นนี้..ลูกถือได้ว่า..เขาเป็นคนดี
ลูกจงรักคนดี..และมีเมตตาคนเลว
ลูกควรช่วยเหลือคนเลวให้ตั้งใจทำความดี

การให้อภัย..เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ตลอดกาล
การแก้แค้น..เป็นชัยชนะที่ไม่ยั่งยืน
การแก้แค้น..เป็นชัยชนะเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ถ้าลูกต้องการชนะตลอดไป
จงให้อภัยเป็นดีที่สุด

ถ้าลูกยิ้มกับกระจก..กระจกก็จะยิ้มกับลูก
ถ้าลูกยิ้มกับเขา..เขาก็จะยิ้มกับลูก
แต่ถ้าเรายิ้มกับเขา..แล้วเขาไม่ยิ้มกับเรา
เราก็นึกเสียว่า..เขาเป็นกระจกที่ไม่มีสารปรอท

อยู่คนเดียว..ให้ระวังความคิด
อยู่กับมิตร..ให้ระวังคำพูด
ก่อนนอนอย่าลืมไหว้พระและทำสมาธิด้วย

คติธรรมประจำชีวิตของลูกคือ...
อดทน..ซื่อสัตย์..มัธยัสท์..ขยัน..ถ่อมตน..เป็นคนกตัญญู
ทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์

บ้านคนอื่นไม่ใช่บ้านของเรา..อย่าไปบ่อยนัก
เมื่อไปบ้านคนอื่นแล้ว..ลูกอย่าเข้าห้องโน้นห้องนี้
โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้าน
หน้าที่ของลูกในฐานะที่เป็นแขกของบ้านผู้อื่นคือ
แสดงความเคารพเจ้าของบ้าน..(พ่อ..แม่..เพื่อน)
แสดงความชื่นชมในการจัดบ้านจัดสวน (อย่าติ)

เมื่อลูกเกิดความเบื่อหน่ายการเรียน
พึงนึกและมุ่งมั่นว่า..
การเรียนรู้..เป็นประตูสู่ชัยชนะ
การเรียนรู้..เป็นประตูสู่ความสำเร็จ
การเรียนรู้..เป็นประตูสู่ความสุขและความเจริญ

Read More......

Thursday, November 09, 2006

ผอ.เอก

Read More......

Tuesday, October 17, 2006

วันออกพรรษา

วันออกพรรษา
ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค่ำ เ ดื อ น ๑ ๑

วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า"ปวารณา"แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้งล่วงเกินระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศลกรรมการ "ตักบาตรเทโว" คำว่า "เทโว" ย่อมาจาก"เทโวโรหน" แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดาในเทวโลก ประเพณีการทำบุญกุศล เนื่องในวันออกพรรษานี้ ทุกวัดในประเทศไทย ก็มีพิธีเหมือนกันหมด จะผิดกันก็เพียงแต่สถานที่ ที่สมมติว่าเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่านั้น กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา ๑. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ ๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา ๓. ร่วมกุศลธรรม "ตักบาตรเทโว" ๔. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและ ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ๕. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษาฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป
ประเพณีตักบาตรเทโว วัดสะแกกรัง อุทัยธานี ที่ขบวนพระภิกษุเดินลงมาที่วัดสะแกกรัง หรือวัดสังกัสรัตนคีรี ในจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขาสูง พิธีตักบาตรเทโวที่วัดนี้บรรดาพระภิกษุจะพากันเดินขบวนลงมาจากบนเขา มาตามบันไดดูเหลืองอร่ามงามจับตา โดยมีบรรดาพุทธศาสนิกชนจะพากันใส่บาตรตามเชิงบันไดเรื่อยมาจนถึงพื้นล่าง
หลังจากวันออกพรรษาแล้วมีประเพณีอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธนิยมทำกันมากคือ การทอดกฐิน
คัดข้อมูลมาจากและดูพิธีการทอดกฐินได้ที่ http://www.dhammathai.org/day/orkpansa.php

Read More......

Sunday, October 08, 2006

อารมณ์ขันจากนิทาน

อารมณ์ขันจากนิทาน
เขียนโดยท่าน สุวิทย์ มูลคำ

คำคล้องจอง
แจ่ม เป็นนักเรียนที่ครูให้ฉายาว่า “จอมซน...คนมาสาย”
มักจะถูกเพื่อนๆ แซวว่าเป็นคนที่ครูจ้องจะหาเรื่องทำโทษ
พอดีชั่วโมงนี้เป็นชั่วโมงที่ ครูไฉไล มาสอน เห็นแจ่มก้มหน้า
ก้มตาเขียนอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่สนใจ ครูไฉไล อธิบายที่
บนกระดาน จึงโมโหแจ่มมาก
ครูไฉไล “แจ่มเธอทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ฟังครูอธิบาย
อยากลองดีกับครูใช่ไหม!”
แจ่ม “เปล่าครับ ผมกำลังนั่งเขียนคำคล้องจองอยู่ครับ”
ครูไฉไล “ไหนคำคล้องจองเรื่องอะไร อ่านให้ครูและเพื่อนฟังหน่อยซิ”
แจ่ม “ผมไม่อยากอ่านครับ กลัวครูตีครับ”
ครูไฉไล “หากเธอไม่อ่านซิ ครูจะตีเธอ”
แจ่ม “อ่านก็ได้ครับ”
“ปากจัด ครูสมศรี
จู้จี้ ครูสมนึก
ทึนทึก ครูประยูร
โหนกนูน ครูไฉไล”

Read More......

คำกลอนสอนครูและนักเรียน

คำกลอนสอนครูและนักเรียน
เขียนโดยท่าน สุวิทย์ มูลคำ
เกชา เหมือนวาจา เรียบเรียง

เด็กดีมีความขยัน
อันเด็กดีย่อมมีความขยัน
ทุกวันคืนหมั่นเพียรเรียนหนังสือ
ช่วยพ่อแม่ทำงานหมั่นฝึกปรือ
โลกเลื่องลือว่าเด็กนั้นขยันเอย

นักเรียนที่ดี
ไม่โยกเก้าอี้ ไม่หนีโรงเรียน ไม่เขียนข้างฝา
ไม่ด่าครูสอน ไม่นอนตื่นสาย ไม่หน่ายการเรียน
ไม่เกลียดการงาน ไม่ผลาญเงินตรา ไม่ซ่าหาเรื่อง
ไม่เคืองโกรธฉัน ไม่พลันทำผิด ไม่คิดมุ่งร้าย
มีใจเมตตา กรุณาทั่วกัน สุขสันต์ทั่วหน้า
สิ้นปัญญาแน่ๆ คุณครูและพ่อแม่ ก็ชื่นใจ
(พระปลัดพวง สุตาจาโร)

ถ้าคร้านเรียนเรียนอะไรก็ไม่รู้
ถ้าคร้านดูดูอะไรก็ไม่เห็น
ถ้าคร้านทำทำอะไรก็ไม่เป็น
ต้องลำเค็ญเป็นขอทานเพราะคร้านเอย

โรงเรียนดีมีหลักฐานเพราะบ้านช่วย
บ้านจะสวยโรงเรียนจัดดัดนิสัย
บ้านโรงเรียนผลัดกันช่วยยิ่งอวยชัย
ถ้าขัดกันก็บรรลัยทั้งสองทาง

ห้องสุขา
ห้องสุขาเหล่านี้ที่หนูเห็น
ทุกเช้าเย็นจงช่วยกันหมั่นรักษา
อย่าให้ดูสกปรกรกนัยน์ตา
น้ำ-ไฟฟ้าปิดเรียบร้อนจึงค่อยจร


รวมทุกข์
รวมทุกไว้รอบรักผูกสมัครไมตรีตรึง
รดน้ำพร่ำรำพึงรักนี้หนึ่งในดวงใจ
คือรักโรงเรียนเรามิรู้เศร้าในฤทัย
ระเบียบและวินัยเรารักมั่นนิรันดร
(ศาสตราจารย์ ฐาปะนีย์ นาครทรรพ)

หนึ่งนาทีที่มีค่า
การอบรมบ่มนิสัยให้ศิษย์นั้น
เพียงแต่วันละนาทีก็มีผล
ศิษย์จะดีมีค่าหรือล่มจม
อาจเป็นเพราะการอบรมหนึ่งนาที

ครูดีศิษย์ดี
ศิษย์จะดีเพราะมีครูช่วยชูเชิด
ครูจะเลิศเพราะทีธรรมนำนบไหว้
ครูรักศิษย์ศิษย์เทิดครูคู่กันไป
เป็นหลักชัยในชีวิตศิษย์กับครู

ครูควรระวัง
เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า
ทำทีท่าแม้นละม้ายคล้ายพ่อแม่
ได้ครูดีเด็กก็งามตามเหล่ากอ
ได้ครูบ้าเด็กก็บอพอพอกัน

เสียงจากครู
สักวันหนึ่งคงจะรู้ว่าครูรัก
สักวันหนึ่งคงประจักษ์เป็นสักขี
สักวันหนึ่งคงจะรู้ว่าครูดี
สักวันหนึ่งคงได้ดีเพราะเชื่อครู

คำกลอนค่อนแคะครู
ครูยุคเก่าเข้าใจในหน้าที่
ทั้งสตรีบุรุษดุจพ่อแม่
แต่งกายไว้ผมล้วนชวนน่าแล
จักมีแก่แดดบ้างเพียงลางคน
(ส.เชื้อหอม)
ครูยุคใหม่หลายสิบมักหยิบหย่ง
ชอบผมทรงรากไทรไว้หนวดด้วย
สวมรองเท้าเข้าหลักของนักมวย
บุหรี่หวยรัฐเหล้าเสพเข้าไป
ครูสตรีที่ทำตัวล้ำยุค
แต่งกายปลุดเสือป่าออกมาไล่
แต่งหน้าทาปากเล็บมิเก็บใจ
มีอยู่ไม่น้อยเลยขอเอ่ยติง
(ส.เชื้อหอม)
ปล. ได้อ่านแล้ว ท่านไม่ได้เป็นดังคำกลอน
ก็ไม่ต้องร้อนตัว นะ จะบอกให้

Read More......

Thursday, September 28, 2006

การเลี้ยงมดแดงไข่ ของท่าน ดร.สุพิทย์ กาญจนพันธุ์ Ph.D.

การเลี้ยงมดแดงไข่
ดร.สุพิทย์ กาญจนพันธุ์ Ph.D.

1. เกี่ยวกับมดแดง
มดแดงไข่เป็นแมลงชนิดหนึ่ง ชอบทำรังและออกไข่ตามต้นไม้ แบ่งเป็น 2 ชนิด
ก. แม่เป้ง ลักษณะลำตัวสีเขียวปนน้ำตาล ส่วนมากจะมีปีก ขนาดใหญ่กว่า ชัดเจน ทำหน้าที่ออกไข่ และป้องกันศัตรู สร้างรัง
ข. มดแดงทั่วไป ลำตัวสีแดง ทำหน้าที่ออกหาอาหาร ป้องกันศัตรู สร้างรัง ต้องเดินทางออกจากรังไปหาอาหาร
ไข่มดแดง ในรังมดแดงมีไข่ 3 ชนิดดังนี้
ก. ไข่มาก เป็นไข่ขนาดใหญ่ที่สุด ฟักออกมาเป็นแม่เป้งโดยเฉพาะ
ข. ไข่ฝาก ขนาดปานกลาง มีจำนวนมากที่สุด ฟักออกมาเป็นมดแดงทั่วไป
ค. ไข่มดดำ ไข่สีดำ ขนาดเล็กฟักออกมาเป็นมดดำมีปีก มักบินหนีในเวลาอันสั้น
2. วิธีเลี้ยงมดแดง
มดแดงกินอาหารจำพวกเศษเนื้อสัตว์ทุกชนิด ก้างปลา ซากแมลง หอย เศษอาหาร ที่ขาดไม่ได้ คือ มดแดงต้องกินน้ำ จึงไม่น่าแปลกว่าทำไมมดแดงชอบไต่ราวตากผ้าเข้ามาในบ้าน !!!
การให้อาหาร
อาหารมดแดงควรอยู่ในภาชนะที่ไม่มีน้ำขัง ทำให้เศษอาหารแห้งได้ ไม่บูดเน่า การลำเลียงกลับรังทำได้ง่าย เศษอาหารควรมีขนาดเล็ก ภาชนะที่เหมาะที่สุดคือ ตะแกรงลวด หรือมุ้งลวดเก่า หรือภาชนะจัดสานขนาดเล็ก ผูกติดกิ่งไม้เหนือศีรษะ ป้องกันสัตว์ชนิดอื่นทำลายหรือกินเศษอาหาร
การให้น้ำ
ใช้ขวดพลาสติกเจาะด้านข้างขนาดกว้างประมาณ 1 ใน 3 ของขวด ปิดฝาให้สนิทป้องกันฝุ่นหรือสิ่งสกปรกหล่นลงไป ผูกคอขวดด้วยเชือก เติมน้ำให้เต็มรอยเจาะ ใช้ไม้เล็ก ๆ 2-3 ชั้นจุ่มลงไปในน้ำเป็นสะพานให้มดลงไปกินน้ำ ถ้าไม่มีสะพานมดอาจตกน้ำตายได้
3. ศัตรูของมดแดงไข่
มดแดงไข่จะอพยพหนีจากต้นไม้ที่เลี้ยงไว้ด้วยสาเหตุต่อไปนี้
ก. มีมดดำมาบุกรุกหรือ ตอนนำมดแดงมาปล่อยไม่ได้ขจัดมดดำให้หมด หรือมีมดดำบนต้นไม้ข้างเคียง
ข. จุดไฟใต้ต้นไม้ของมดแดงไข่
ค. ใช้ขี้เถ้าหว่านบนต้นไม้ของมดแดงไข่
ง. ใช้สารเคมีฉีดพ่นบริเวณใกล้เคียง
จ. ขาดอาหารและน้ำ
4. การเก็บไข่มดแดง
ควรใช้ไม้แหย่เหมือนที่เคยปฏิบัติ เจาะรูบนรังให้เล็กสุดเคาะเบา ๆ ให้ไข่ร่วงลงบนถังน้ำ ข้อสำคัญ ต้องปล่อยแม่เป้งให้หมด เพื่อให้ออกไข่ขยายพันธุ์ต่อไปเราต้องช่วยกันเปลี่ยนเศษอาหารงานเลี้ยงเป็นไข่มดแดง 1 งานเลี้ยง : ไข่มดแดง 100 กิโลกรัม!!!*

รองศาสตราจารย์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง*
นักวิชาการประจำ คณะกรรมาธิการ การศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา*
Ph.D. (University of Missouni - Columbia) สหรัฐอเมริกา*
ห้ามแปลเป็นภาษาต่างประเทศ

Read More......

Saturday, July 22, 2006

อยากผอมอยากอ้วนควรอ่าน


อยากผอมอยากอ้วนควรอ่าน

ปริมาณอาหารที่จะกล่าวดังต่อไปนี้เป็นขนาดอาหารที่ร่างกายของคนเราต้องการในแต่ละวันครับ
ถ้าอยากผอมก็ให้รับประทานน้อยกว่านี้ ในแต่ละวัน
ถ้าอยากอ้วนก็ให้รับประทานมากกว่านี้ ในแต่ละวัน
หวังว่าคงจะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้างครับ เชิญอ่านได้แล้วครับท่าน


อาหาร 1,300 แคลอรี่ / วัน

มื้อเช้า
ข้าวต้ม 1 ถ้วยตวง
เนื้อสัตว์ 4 ช้อนทานข้าว
น้ำมันพืช 1.5 ช้อนชา
ผัก ข.(จำกัดปริมาณ) 0.5 ขีด
ผลไม้ 1 ส่วน

มื้อกลางวัน
ข้าวสวย 3 ทัพพี
เนื้อสัตว์ 4 ช้อนทานข้าว
น้ำมันพืช 1.5 ช้อนชา
ผัก ข.(จำกัดปริมาณ) 0.5 ขีด
ผลไม้ 1 ส่วน

มื้อเย็น
ข้าวสวย 3 ทัพพี
เนื้อสัตว์ 5 ช้อนทานข้าว
น้ำมันพืช 1.5 ช้อนชา
ผัก ข.(จำกัดปริมาณ) 1 ขีด
ผลไม้ 1 ส่วน

หมายเหตุ มื้อเช้า ถ้าไม่รับประทานข้าวต้ม จะรับประทานข้าวสวย
ให้เปลี่ยนเป็นข้าวสวยเฉพาะมื้อเช้า 2 ทัพพี

สรุป อาหาร 1,300 แคลอรี่ / วัน

ข้าวสวย 8.5 ทัพพี
(ข้าวสวย ข้าวต้ม แป้ง ขนมจีน ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยว วุ้นเส้น)
เนื้อสัตว์ 13 ช้อนทานข้าว
ไขมัน 4.5 ช้อนชา
(อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงกินน้อยที่สุด เช่น เครื่องดื่ม น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนม แอลกอฮอล์)
ผัก ข. 2 ขีด
(ผักประเภทแป้งผักเป็นหัวให้กินแต่น้อย กินผักก้านผักใบให้มาก)
ผลไม้ 3 ส่วน
(หลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่นทุเรียน ลำไย น้อยหน่า มะขามหวาน)

ที่มาของข้อมูล กลุ่มงานสุขศึกษา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
โทร.0-4434-1310-39 ต่อ 1206 , 2705

Read More......

Saturday, July 15, 2006

ศูนย์รวมการศึกษาไทย

ทุกสิ่งทุกอย่างของการศึกษาไทย คิดว่าคุ้มค่าที่สุดถ้าท่านเข้าชม เชิญครับท่าน
http://www7.brinkster.com/prachyanun/edu/thaiedu.html

Read More......

วันเข้าพรรษา

วันเข้าพรรษา

ต ร ง กั บ วั น แ ร ม ๑ ค่ำ เ ดื อ น ๘

"เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระเจ้าเป็นซึ่งเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืนเรียกว่า สัตตาหะ หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์ แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด ระหว่างเดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆองค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่าที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้งถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีกเพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้
โดยปรกติเครื่องใช้สอยของพระ ตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฏฐบริขารอันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน และกว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าจำนำพรรษา หรือผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของท่านเป็นพิเศษในเข้าพรรษานับเป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันนี้สืบมา
การที่พระภิกษุสงฆ์ท่านโปรดสัตว์อยู่ประจำเป็นที่เช่นนี้ เป็นการดีสำหรับสาธุชนหลายประการ กล่าวคือ ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระพุทธบัญญัติก็นิยมบวชพระ ส่วนผู้ที่อายุยังไม่ครบบวชผู้ปกครองก็นำไปฝากพระ โดยบวชเป็นเณรบ้าง ถวายเป็นลูกศิษย์รับใช้ท่านบ้าง ท่านก็สั่งสอนธรรม และความรู้ให้ และโดยทั่วไป พุทธศาสนิกชนนิยมตักบาตรหรือไปทำบุญที่วัด นับว่าเป็นประโยชน์
การปฏิบัติตน ในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวัน พุทธศาสนิกชนมักจะจัดเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวายพระภิกษุ สามเณร ที่ตนเคารพนับถือ ที่สำคัญคือ มีประเพณีหล่อเทียนขนาดใหญ่เพื่อให้จุดบูชาพระประธานในโบสถ์อยู่ได้ตลอด 3 เดือน มีการประกวดเทียนพรรษา โดยจัดเป็นขบวนแห่ทั้งทางบกและทางน้ำ
แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ ทำบุญรักษาศีลและชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึง วันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้น อบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลาน ของตนโดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับ อานิสงส์อย่างสูง
ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา เป็นประเพณีที่กระทำกันเมื่อใกล้ถึงฤดูเข้าพรรษาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ พระภิกษุจะต้องอยู่ประจำวัดตลอด ๓ เดือนมาตั้งแต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี้มีอยู่เป็นประจำ ทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษานี้ พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าเย็นและในการนี้จะต้องมีธูป เทียนจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาสำหรับให้พระภิกษุจุดเป็น การกุศลทานอย่างหนึ่งเพราะเชื่อกันว่าในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงฆ์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว ตามชนบท การหล่อเทียนเข้าพรรษาทำกันอย่างเอิกเกริกสนุกสนานมาก เมื่อหล่อเสร็จแล้ว ก็จะมีการแห่แหน รอบพระอุโบสถ ๓ รอบ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา ๓ เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่งมี การแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงามและถือว่าเป็นงานประจำปีทีเดียว ในวันนั้นจะมีการร่วมกันทำบุญตักบาตรถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ เป็นการร่วมกุศลกันในหมู่บ้านนั้น
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันเข้าพรรษา ๑. ร่วมกิจกรรมทำเทียนจำนำพรรษา ๒. ร่วมกิจกรรมถวายผ้าอาบน้ำฝน และจตุปัจจัย แก่ภิษุสามเณร ๓. ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล ๔. อธิษฐาน งดเว้นอบายมุขต่างๆ

Read More......

แสงเทียน ส่องธรรม นำใจ

แสงเทียน ส่องธรรม นำใจ
ผศ.สุรีย์ ไวยกุฬา ประพันธ์

วสันต์ฤดูฝนโปรยปรายสายฉ่ำฟ้า เหล่าต้นกล้าพืชน้อยใหญ่ได้สุขสม
ทั้งชาวไร่ชาวนาพารื่นรมย์ เกษตรกรรมกลับอุดมเขียวขจี
เข้าพรรษาพระภิกษุสามเณร กำหนดเกณฑ์อยู่วัดใดให้เป็นที่
หยุดจาริก ศึกษาธรรมตามคัมภีร์ ครบสามเดือน ณ วัดนี้ให้เชี่ยวชาญ
อุปสรรคการศึกษาคือแสงสว่าง ยามราตรีเลือนลางไร้สุขศานต์
ประเพณีหล่อเทียนเพื่อใช้งาน ที่ในโบสถ์ในวิหารจึงมีมา
ให้ภิกษุสามเณรได้สวดมนต์ เรียนรู้ธรรมพร่ำบ่นหมั่นศึกษา
กระจ่างแจ้งแสงสว่างส่องปัญญา ผู้มีจิตศรัทธาได้ผลบุญ
คิดหล่อเทียนแท่งใหญ่ถวายวัด ตกแต่งจัดสลักลายหมายเกื้อหนุน
ก่อความสุขเกิดปัญญาเนื้อนาบุญ เพราะเจือจุนศาสนาให้ยาวนาน
อานิสงส์แสงเทียนผู้เพียรสร้าง เกิดปัญญาส่องสว่างแผ่ไพศาล
ทำกิจใดก้าวหน้ายั่งยืนนาน เปรียบแสงเทียนงามตระการส่องชีวี

Read More......